บทที่สอง
ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงดูดเลียและความเสียวซ่านที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง ผมครางออกมาอย่างพึงพอใจพร้อมกับอ้าขาออกอีกนิดเพื่อให้คนตรงหน้าได้ดูดไอ้นั่นของผมต่อไป
ผมมองลงไปที่ยัยตัวเล็กผิวขาวซึ่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า พยายามจะอมแก่นกายของผมให้ลึกที่สุด เธอกำลังดูดเลียมันเสียงดังจ๊วบจ๊าบ แต่มันไม่ใช่วิธีที่ผมต้องการเลย
ผมสอดมือเข้าไปในเรือนผมของเธอ ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมามอง ในแววตาของเธอมีความสุขฉายชัด น่ารักดีนี่ เธอคงคิดว่ากำลังจะได้รับคำชมว่าทำได้ดีล่ะสิ
ผมแสยะยิ้มให้เธอก่อนจะกดศีรษะเธอลง กระแทกแก่นกายของผมให้ลึกลงไปในลำคอ ผมมองเธอสำลักแต่ก็ไม่ได้ปล่อยมือออกจากหัวเธอเลย
“แม่งเอ๊ย” ผมครางลั่นขณะที่ขยุ้มผมเธอไว้แล้วเริ่มกระแทกสวนเข้าไปในปาก เธอมองผมด้วยดวงตาที่คลอหนาว แต่โชคร้ายสำหรับเธอที่ภาพนั้นกลับยิ่งปลุกอารมณ์ผม การได้มองเธอพยายามจะหายใจ ลมหายใจที่ติดขัด ใบหน้าที่แดงก่ำและดวงตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำตา มันเป็นภาพที่งดงามน่ามอง แต่เสียดายที่เธอไม่ได้มีความสุขไปกับมันด้วย
ผมดึงมือออกจากหัวเธอ ทำให้เธอถอนปากออกจากแก่นกายของผมแล้วหอบหายใจอย่างแรง
“นี่มันบ้าอะไรวะวอน” เธออุทาน มือทาบอยู่บนอกเปลือยเปล่าขณะพยายามโกยอากาศเข้าปอด ดวงตาของเธอจ้องเขม็งมาที่ผม
“ก็เธอทำไม่ถูกวิธีเองนี่” ผมยักไหล่ก่อนจะลุกออกจากเตียง จะมาโวยวายทำเหี้ยอะไรวะ ในเมื่อเมื่อคืนเธอก็เป็นคนตามผมกลับบ้านมาเอง แล้วผมก็บอกไปชัดเจนแล้วว่าผมไม่ใช่สายรักนุ่มนวล แล้วเธอคาดหวังอะไรตอนที่เอาไอ้ของผม...ไอ้ของผม เข้าไปในปากเพื่อจะทำให้ผมพอใจ แต่กลับทำได้ไม่ถูกเรื่องด้วยซ้ำ จะให้ผมนั่งเฉยๆ ปล่อยให้เธอเสียเวลาของผมไปงั้นเหรอ
แล้วเมื่อคืนผมก็ไม่ได้อ่อนโยนกับเธอสักหน่อย รอยต่างๆ บนตัวเธอก็เป็นเครื่องพิสูจน์ ผมขอความยินยอมจากเธอแล้วเธอก็มอบมันให้ผม ผมบอกเธอว่าผมเป็นดอมิแนนต์ และคำพูดของเธอก็คือ...
“ฉันไม่เคยคบกับคนที่มีไลฟ์สไตล์แบบนั้นมาก่อน แต่ฉันว่าเราลองกันได้นะ” เธอตอบผมกลับมาเมื่อวานตอนที่ผมเล่าเรื่องไลฟ์สไตล์ของผมให้ฟัง
โชคดีแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้พาเธอไปที่ ‘ห้องนั้น’ รับรองว่าเธอต้องกลัวจนเผ่นแน่
ผมเดินโซซัดโซเซทั้งตัวเปล่าๆ ไปที่ห้องน้ำ หัวปวดตุบๆ จากอาการเมาค้าง ผมวักน้ำสาดหน้า พยายามสลัดความมึนงงที่ยังตกค้างอยู่ออกไป ทำไมผมต้องดื่มหนักขนาดนั้นด้วยวะ แล้วทำไมผมต้องพาเธอกลับมาที่นี่ด้วย
ขณะที่แปรงฟัน ผมก็เหลือบเห็นตัวเองในกระจก สภาพผมดูไม่ได้เลย ขอบตาคล้ำเป็นวง
ผมเดินไปที่ฝักบัวแล้วเปิดมัน เตรียมจะอาบน้ำตอนที่ได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดออก และผมก็รู้ได้ทันทีว่าใครกำลังจะเข้ามา ซึ่งผมไม่พอใจเลยสักนิดด้วยเหตุผลสามข้อ
-
เธอเพิ่งทำผมหัวเสียฉิบหายเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว
-
ผมไม่ชอบอาบน้ำกับใคร ยกเว้นว่าคนคนนั้นอยากจะหมดสิทธิ์เดินออกจากห้องน้ำไปเอง
-
และที่สำคัญที่สุด ทำไมเธอยังอยู่นี่อีกวะ
ผมสบถอย่างหัวเสียเมื่อเห็นเธอเดินตรงมาที่ฝักบัว ร่างเปลือยเปล่าที่ส่ายซ้ายทีขวาทีขณะพยายามเดินทอดน่องอย่างยั่วยวน
เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง ผมไม่ปฏิเสธ แต่ก็น่าเสียดายที่เธอไม่ใช่คนที่ผมตามหา
คุณก็รู้ว่าผมเป็นดอมิแนนต์ และค่อนไปทางซาดิสม์นิดๆ ผมชอบที่จะครอบงำคู่ของผม ผมต้องการให้พวกเขามอบสิทธิ์ในร่างกายให้ผมอย่างเต็มที่ ให้พวกเขาไว้ใจผมทั้งร่างกาย หัวใจ และจิตวิญญาณ ผมต้องการให้พวกเขาได้รับความสุขสมจากมือ จากปาก และจากแก่นกายของผมเท่านั้น ผมไม่ต้องการให้พวกเขารู้ว่าสัมผัสจากผู้ชายคนอื่นเป็นอย่างไร ผมต้องการให้ร่างกายของพวกเขารู้จัก จดจำสัมผัสของผม ผมต้องการให้ทั้งตัวและร่างกายของพวกเขาโหยหาสัมผัสจากผม
ผมเคยนอนกับผู้ชายและผู้หญิงมาก็ไม่น้อย แต่ก็ยังไม่เจอคนที่ทั้งร่างกายและหัวใจของผมโหยหา และบอกตรงๆ ว่ามันน่าหงุดหงิด
ผมทำหน้าเฉยชาขณะมองเธอพยายามจะเข้ามาใกล้
“คุณคิดว่าคุณกำลังทำเหี้ยอะไรอยู่” ผมถามเธอ ผมแค่อยากจะอาบน้ำแล้วไปเข้าคลาสเรียนบ้าๆ ของผม วันนี้วันจันทร์ และบอกตามตรงว่าผมไม่มีอารมณ์จะมาเล่นอะไรแบบนี้ทั้งนั้น
“หนูแค่อยากจะอาบน้ำค่ะแด๊ดดี้” หล่อนพูดอย่างยั่วยวน มือของหล่อนไล้จากต้นคอลงมาที่หน้าอกของผมขณะที่จ้องมองมาด้วยสายตาที่ผมเดาว่ามันคือสายตา ‘ยั่วยวน’ ในแบบของหล่อน
“เธอก็ไปทำที่ห้องของเธอสิ” ผมค่อยๆ ปัดมือหล่อนออกจากตัว ผมไม่มีเวลามาเล่นเรื่องบ้าๆ แบบนี้จริงๆ ผมหันกลับไปอาบน้ำต่อ สัมผัสได้ว่าหล่อนกำลังจ้องมองอยู่ แต่ผมไม่สนใจสักนิด
“งั้นฉันก็ควรจะยืนดูคุณอาบน้ำเฉยๆ เหรอ” หล่อนถาม แต่ผมไม่ใส่ใจ ผมรู้ดีว่าบอกให้หล่อนกลับบ้านไปแล้ว แล้วทำไมถึงยังอยู่นี่อีกก็ไม่รู้เหมือนกัน
“จะจ้องหรือจะทำอะไรก็เรื่องของเธอเถอะ ผมไม่สนอยู่แล้ว จริงๆ แล้วก้นของเธอน่ะไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ” ผมจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด หล่อนเริ่มทำให้ผมรำคาญแล้ว และผมไม่ชอบใจเลย
ผมอาบน้ำต่อไปจนได้ยินเสียงหล่อนเดินออกจากห้องน้ำไป พร้อมกับกระแทกประตูปังเพื่อแสดงความโกรธ แต่ผมก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร ผมอยากให้หล่อนออกไปจากที่นี่ และอยากให้ไปเร็วๆ ด้วย
......
ผมก้าวออกจากห้องอาบน้ำ เช็ดตัวจนแห้งแล้วพันผ้าขนหนูรอบเอว ผมเดินออกมาก็เห็นว่าหล่อนยังอยู่ที่นี่ ทำไมผมต้องตื่นมาเจอ...คน...คนนี้บนเตียงด้วยวะ เหมือนกับว่าถ้ารู้ว่าหล่อนจะน่ารำคาญขนาดนี้ ผมคงไม่พาเธอกลับมาที่ห้องแต่แรกแล้ว ผมร้องครางในลำคอขณะจ้องไปที่หล่อน เธอได้ยินเสียงผมแต่ก็ยังไม่คิดจะขยับตัว ยอดเยี่ยมเลย สิ่งที่ผมต้องการเป๊ะ เครื่องย้ำเตือนความโง่ของตัวเอง ผมน่าจะพาเธอกลับไปส่งที่ห้อง หรือไม่ก็ฟาดเธอในรถหรือที่ไหนสักแห่งไปเลย ทำไมผมต้องโง่ขนาดนี้ด้วยวะ
ผมเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้วเริ่มแต่งตัว
ผมเดินกลับเข้ามาในห้องนอน ที่ซึ่งหล่อนยังคงนั่งอยู่บนเตียง กำลังพิมพ์ข้อความยุกยิกในโทรศัพท์ “ได้เวลาไปแล้ว” ผมคำรามเสียงต่ำ พยายามทำเสียงให้น่ารังเกียจที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้หล่อนจริงจังกับคำพูดผมเสียที หล่อนกำลังทำให้ผมรำคาญจริงๆ และผมไม่ชอบเลย แค่มองหน้าหล่อนก็ทำให้ผมคันสมองไปหมดแล้ว
หล่อนเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสายตาปรือๆ แล้วยิ้ม “คุณจะไม่ชวนฉันกินมื้อเช้าหน่อยเหรอ” หล่อนถาม พยายามทำเสียงน่ารัก แต่บอกตรงๆ ว่ามันยิ่งทำให้ผมโมโหมากขึ้น
มื้อเช้าเหรอ? ผมต้องชวนเธอกินมื้อเช้าด้วยเหรอ? หล่อนคิดว่าที่นี่มันที่ไหนวะ... โรงแรมพร้อมอาหารเช้ารึไง
“ผมดูเหมือนอยากให้เธออยู่ที่นี่รึไง” ผมพูดตามความจริงพร้อมกับจ้องเขม็งไปที่หล่อน คว้าเสื้อผ้าของเธอจากพื้นแล้วยัดใส่มือ “ถึงเวลาที่เธอต้องไสหัวไปได้แล้ว”
“ผมต้องพูดซ้ำมากกว่าหนึ่งครั้งแล้วนะ” ผมพูดเสียงหนักแน่น
“แล้วผมก็เกลียดการพูดซ้ำซาก” ผมเกลียดมันจริงๆ โดยเฉพาะกับผู้ใหญ่ที่ได้ยินสิ่งที่ผมพูดอย่างเต็มสองหู
หล่อนดูตกใจกับน้ำเสียงของผม ผมรู้ เพราะหล่อนสะดุ้งเล็กน้อย แต่โชคดีที่ไม่ได้เถียงอะไรต่อ หล่อนรีบแต่งตัว เก็บข้าวของ แล้วเดินออกไปที่ประตู หล่อนหันกลับมามองผม บางทีอาจจะหวังว่าผมจะเรียกเธอกลับไป
ผมเดินตรงไปที่ประตู ดวงตาของหล่อนเปล่งประกายด้วยความหวัง แต่ผมยิ้มให้หล่อนแล้วก็ปิดประตูใส่หน้า ในที่สุด ผมก็ได้อยู่คนเดียว ตอนนี้ผมจะได้เตรียมตัวไปเข้าคลาสเรียนปัญญาอ่อนนั่นอย่างสงบเสียที และบางที บางทีนะ ผมอาจจะสลัดอาการเมาค้างนี่ออกไปได้ ผมต้องเลิกพาคนแปลกๆ กลับมาที่ห้องได้แล้วจริงๆ
......
ผมเดินออกจากอพาร์ตเมนต์ ขมวดคิ้วมุ่น ผมอยากจะให้เรื่องเรียนบ้าๆ นี่มันจบๆ ไปเสียที ไม่ใช่ว่าผมโง่หรืออะไรนะ แค่ผมไม่ได้ใส่ใจเรื่องเรียน แต่พ่อแม่ของผมใส่ใจ โดยเฉพาะพ่อของผม
พ่อทำข้อตกลงกับผมไว้ ถ้าผมเรียนจนจบด้วยคะแนนสูงสุดของรุ่นและเรียนในสาขาที่เขาเลือกให้ ผมจะได้ทุกอย่างที่ผมต้องการ และผมก็ทำตามนั้น ผมตั้งใจเรียนจนได้ที่หนึ่งของชั้นเรียนมาตลอด
พ่อของผมเป็นคนที่เข้มงวดมาก และเมื่อเขาพูดอะไรออกมาแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนใจหรือความคิดของเขาได้ ดังนั้นถ้าการที่ผมเรียนและได้ผลการเรียนดีๆ หมายถึงผมจะได้รถหลายคันของผม แฟลตอพาร์ตเมนต์ การเข้าถึงเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว เรือยอชต์ และเฮลิคอปเตอร์ งั้นผมก็คงต้องจริงจังกับเรื่องเรียนนี่แล้วสินะ
ผมกำลังจมอยู่ในความคิด... จนกระทั่งมีใครบางคนเดินมาชนเข้า







































































